ผมจนกว่า Bill Gates แต่ผมก็รวยกว่า ขอทาน ที่นั่งอยู่ที่หน้าปากซอย
ทั้งๆ ที่ผมก็มี ตังค์เท่าเดิม.... เทียบกับ Bill Gates แล้ว ผมยากจน
ทั้งๆ ที่ผมก็มี ตังค์เท่าเดิม.... เทียบกับ ขอทาน ที่นั่งอยู่ที่หน้าปากซอย แล้ว ผมร่ำรวย
ความรวย ความจน มันเกิดจากการเปรียบเทียบ.....
ชอบพูดกันว่า ความรวย ความจน มันอยู่ที่ ความรู้จักพอ....
แค่ไหน ที่เรียกว่า พอ....
งั้นเลิกทำงาน เดินไปขอข้าวตามร้านอาหารกิน.... ผมพอแล้ว ผมไม่โลภ....
นอนมันริมถนนนี้แหละ.... ผมพอแล้ว ผมไม่โลภ..... ผมไม่สะสม.....
พูดเรื่อง ความรวย ความจน มันจึงเลื่อนลอย....
พูดเรื่อง "อิสระภาพทางการเงิน" ดีกว่า....
"อิสระภาพทางการเงิน" คือ การที่คุณ มีรายได้ จากการไม่ต้องทำงาน มากกว่า รายจ่าย
เพราะคุณไม่สามารถทำงานไปได้ตลอดชีวิต....
ถ้า ใครวางแผนไว้ว่า พอเลิกทำงานปุ๊บ แล้วตายปั๊บ ก็ไม่ต้องคิดคำนึงเรื่อง "อิสระภาพทางการเงิน" ก็ได้
ใครมีลูก มีหลาน วางแผนให้ ลูกหลานเลี้ยงดู ยามแก่เฒ่า.... ไม่ต้องคิดคำนึงเรื่อง "อิสระภาพทางการเงิน" ก็ได้
ซึ่ง การวางแผนให้ ลูกหลานเลี้ยงดูยามแก่ จัดเป็น การลงทุนแบบหนึ่ง.... (ผมจัดของผมเอง :P ) การลงทุน มีความเสี่ยง ผลตอบแทนจากการลงทุน อาจไม่เป็นไปที่คุณคาดหวังไว้ก็ได้ ----> ลูกหลาน มันอาจจะไม่เลี้ยงคุณก็ได้ ( ลูกหลาน อาจจะอยากเลี้ยงคุณ แต่แค่มันเลี้ยงตัวเอง มันยังเอาตัวมันไม่รอดเลย)
ใครมีผักริมรั้ว มีไก่ออกไข่ เก็บกินได้ ----> รายจ่ายลดลง.... ใครไม่มี ค่าอาหาร มัน คือ รายจ่าย....
ใครมีบ้านของตัวเอง ----> รายจ่ายลดลง.... ใครไม่มี ค่าเช่าบ้าน มัน คือ รายจ่าย....
นั้น คือ รายจ่าย แต่ละคนไม่เท่ากัน....
เพราะ รายจ่ายแต่ละคนไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ....
บางคนอาจจะบรรลุ "อิสระภาพทางการเงิน" ได้ด้วย รายได้เดือนละ 500 บาท.... หรือ บางคนอาจจะต้องทำให้เกิด รายได้เดือนละ 50,000 บาท จึงจะ บรรลุ "อิสระภาพทางการเงิน"
เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้แล
@^____^@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น